Abstract:
สาร 4-methoxycinnamyl p-coumarate (MCC) เป็นสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ต้านอักเสบของเหง้าเร่วหอม วัตถุประสงค์แรกของการวิจัยนี้คือ ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณของสาร MCC และฤทธิ์ต้านอักเสบของเหง้าเร่วหอมที่ปลูกแซมในแปลงปลูกเงาะ มังคุด ลองกอง ปาล์ม และตะเคียน หรือป่าปลูก เหง้าเร่วหอมจะถูกเก็บมาทดสอบเมื่อมีอายุ 6 และ 10 เดือน หลังการปลูก ฤทธิ์ต้านอักเสบประเมินโดยการยับยั้งการผลิตไนตริกออกไซด์ในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ปริมาณของสาร MCC ประเมิน
โดยเทคนิค high performance liquid chromatography (HPLC) ผลการทดลองพบว่าปริมาณสาร MCC และฤทธิ์ต้านอักเสบในเหง้าเร่วหอมที่ปลูกในแปลงมังคุด ปาล์ม และตะเคียน หรือป่าปลูกมีค่าสูงกว่าที่พบจากเหง้าที่ปลูกในแปลงเงาะและลองกอง ปริมาณสาร MCC จากเหง้าเร่วหอมที่เก็บจากแปลงทดลองแต่ละแปลงในช่วงเวลา 6 เดือน และ 10 เดือน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ทำการพัฒนาชาสมุนไพรเร่วหอม ดังนั้นวัตถุประสงค์อันที่สองของการศึกษา คือ ประเมินผลของวิธีการทาแห้งเหง้าและใบเร่วหอม (การอบด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส การทำแห้งด้วยลมในร่ม และการทำแห้งด้วยแสงแดด) ต่อฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์ต้านอักเสบรวมทั้งสาร MCC ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระประเมินโดยการทดสอบการกำจัดอนุมูล 2,2ꞌ- diphenyl-1- picrylhydrazyl (DPPH) ความสามารถในการรีดิวซ์ และสารประกอบฟีนอลิกรวม จากการศึกษาพบว่าการทำแห้งเหง้าเร่วหอม ด้วยวิธีตากลมในร่ม และการทำแห้งด้วยแสงแดด ทำให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านอักเสบและสาร MCC สูงกว่าการทำแห้งด้วยการอบด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ส่วนวิธีทำแห้งที่เหมาะสมสำหรับใบเร่วหอม คือ วิธีตากลมในร่ม และการทำแห้งด้วยแสงแดด ทำให้มีฤทธิ์ต้านอักเสบสูงที่สุด ในขณะที่การทำแห้งด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ทำให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบฟีนอลิกรวมสูงที่สุด