Faculty of Engineering
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4719
คณะวิศวกรรมศาสตร์
2024-03-29T12:24:03Z
-
บุุคคลต้นแบบ ปลุกแรงบันดาลใจในตัวคุณ
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9345
บุุคคลต้นแบบ ปลุกแรงบันดาลใจในตัวคุณ
สุนันทา อินทเจริญ
โครงการ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขุมปัญญาตะวันออก” ประจำปี ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๑ เรื่อง “บุคคลต้นแบบ ปลุกแรงบันดาลใจในตัวคุณ” โดยให้ผู้ที่เคยได้รับรางวัลรัตนบูรพา ถอดแบบบทเรียน เคล็ดลับการได้รางวัลรัตนบูรพา สาขาการบริการ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๓
2565-01-01T00:00:00Z
-
โครงการการผลิตแหล่งพลังงานสะอาดจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9289
โครงการการผลิตแหล่งพลังงานสะอาดจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
สร้อยพัทธา สร้อยสุวรรณ; แดง แซ่เบ๊; จันฑรา นาควชิระตระกูล; ปฏิภาณ บุญรวม
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาคอปเปอร์ด้วยซีโอไลต์ HZSM5 เพื่อเปรียบเทียบกับซีโอไลต์ปรับปรุง สำหรับการผลิตไดเมทิลอีเทอร์ ด้วยปฏิกิริยาคาร์บอนไดออกไซด์ไฮโดรจิเนชัน โดยที่ตัวเร่งปฏิกิริยาเตรียมด้วยวิธีเคลือบฝังแบบแห้งโดยไม่ผ่านกระบวนการแคลซิเนชัน เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ทางเทอร์โมไดนามิกส์ เพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมในการทำปฏิกิริยา จากนั้นทำการทดสอบปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และทำการทดสอบคุณลักษณะของตัวเร่งปฏิกิริยา ด้วยวิธีการบีอีที (BET), การทดสอบการเลี้ยวเบนของรังสีเอ็กซ์ (XRD), วิธีการคายซับของแอมโมเนียมตามอุณหภูมิที่โปรแกรม (NH3-TPD) และวิธีการคายซับของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ตามอุณหภูมิที่โปรแกรม (CO2-TPD) ผลการการวิเคราะห์ทางเทอร์โมไดนามิกส์ในช่วงที่ทำการศึกษาความดัน 1 และ 10 บาร์, อุณหภูมิ 100-500 องศาเซลเซียสและอัตราส่วนระหว่าง CO2:H2 เท่ากับ 1 : 2, 1 : 3 และ 1 : 4 พบว่า สภาวะที่เหมาะสมในการสังเคราะห์เมทานอลและไดเมทิลอีเทอร์ คือ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส, ความดัน 10 บาร์และอัตราส่วนของ CO2 : H2 = 1 : 4 ผลการทดสอบปฏิกิริยาคาร์บอนไดออกไซด์ไฮโดรจิเนชันของตัวเร่งปฏิกิริยา Cu/ZrO2 และ CuZn/ZrO2 พบว่า ตัวเร่งปฏิกิริยา CuZn/ZrO2 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสังเคราะห์เมทานอลได้ดีกว่าตัวเร่งปฏิกิริยา Cu/ZrO2 ซึ่งมีอัตราการสังเคราะห์เมทานอลมากที่สุด 12.6 g/kgcathr ณ อุณหภูมิ 210 องศาเซลเซียส, ความดัน 10 บาร์ และใช้เวลาในการรีดิวซ์ตัวเร่งปฏิกิริยานาน 8 ชั่วโมง ผลการทดสอบปฏิกิริยาคาร์บอนไดออกไซด์ไฮโดรจิเนชันของตัวเร่งปฏิกิริยา CuZn/ZrO2 ผสมกับ HZSM5 หรือ K-HZSM5 เพื่อสังเคราะห์ไดเมทิลอีเทอร์ พบว่า ตัวเร่งปฏิกิริยา CuZn/ZrO2+K-HZSM5 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่เหมาะสมสำหรับการสังเคราะห์ไดเมทิลอีเทอร์ดีกว่าตัวเร่งปฏิกิริยา CuZn/ZrO2+HZSM5 ซึ่งให้ผลิตภัณฑ์สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากความแรงของกรดบนผิว K-HZSM5 เกิดอย่างอ่อน ๆ ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการสลายตัวของเมทานอลหรือไดเมทิลอีเทอร์ เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งสามารถผลิตไดเมทิลอีเทอร์ได้ 44.68 g/kgcathr
โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
2560-01-01T00:00:00Z
-
การพัฒนาอาหารเหลวสำหรับการตรวจสอบเชื้อจุลินทรีย์ Vibrio parahaemolyticus แบบมีอินดิเคเตอร์สีเพื่อบ่งบอกการปนเปื้อนอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมอาหาร
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9287
การพัฒนาอาหารเหลวสำหรับการตรวจสอบเชื้อจุลินทรีย์ Vibrio parahaemolyticus แบบมีอินดิเคเตอร์สีเพื่อบ่งบอกการปนเปื้อนอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมอาหาร
อาลักษณ์ ทิพยรัตน์; อาณัติ ดีพัฒนา
หลักการตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถนำไปทดสอบใช้ได้จริงด้วยการใช้อาหารเลี้ยงเชื้อเพิ่มจำนวนที่เป็นลักษณะสีที่มีหลายปฏิกริยาชีวเคมีร่วมกันได้ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคสำหรับตัวอย่างโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร รูปแบบการตรวจวิเคราะห์ดังกล่าวเป็นการผนวกร่วมกับอาหารเหลวเพิ่มจำนวนในขั้นตอนแรก โดยรูปแบบการวิเคราะห์อาหารเพิ่มจำนวนนี้ใช้ปฏิกริยาชีวเคมีในการบ่มเพาะเลี้ยงด้วย 96-well ไมโครไทเทอเพลทที่เป็นการลดปริมาตรอาหารที่ใช้แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการตรวจวิเคราะห์ ร่วมกับการใช้เทคนิคการวัดค่าการดูดกลืนคลื่นแสงของตัวอย่างเพื่อให้ได้ผลวิเคราะห์ที่รวดเร็วด้วยเครื่องไมโครเพลทรีดเดอร์ รูปแบบจำเพาะของปฏิกริยาชีวเคมีของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคแต่ละชนิดสามารถเกิดปฏิกริยาได้ครอบคลุมกลุ่มปฏิกริยาชีวเคมีมาตรฐานที่ได้นำเสนอ เช่น การใช้น้ำตาล, การเกิดกรดอะมิโนดีคาร์บอกซีเลชั่น, การเกิดปฏิกริยา esculin hydrolysis และการเกิดปฏิกริยาไฮโดรเจนซัลไฟด์ โดยการใช้ปฏิกริยาเหล่านี้เพื่อการตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่สาคัญ ทั้งนี้อาหารเพิ่มจำนวนเซลล์ที่ใช้จะมีสีที่เกิดจากการใช้พีเอชอินดิเคเตอร์ที่เป็น โบรโมครีซอลเพอเพิล, ฟีนอลเรด, เฟอร์ริกแอมโมเนียมซิเตรท, และโซเดียมไธโอซัลเฟท ถูกเติมลงไปในอาหารเหลวเพิ่มจำนวนเพื่อบ่งบอกการเกิดปฏิกริยาและเพื่อให้มีผลกับการตอบสนองของค่าการดูดกลืนคลื่นแสงด้วยการวัดด้วยไมโครเพลทรีดเดอร์ เงื่อนไขการเพิ่มจำนวนของเซลล์ถูกบ่มที่อุณหภูมิ 37C เป็นเวลา 24 ชั่วโมง กลุ่มแบคทีเรียแกรมบวกที่ใช้ในการทดสอบ เช่น Listeria monocytogenes, Staphylococcus aureus, Bacillus cereus และแบคทีเรียแกรมลบ เช่น Salmonella Typhi, Yersinia enterocolitica ทั้งนี้ Vibrio paraheamolyticus เป็นหนึ่งแบคทีเรียที่ใช้รูปแบบการตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนด้วยอาหารหลากหลายปฏิกริยาชีวเคมีด้วยเช่นกัน โดยในการทดสอบปริมาณเชื้อเริ่มต้นที่ใช้ประมาณ 1-2 log CFU/ml อาหารเหลวเพิ่มจำนวนสีที่ได้มีการพัฒนาจะถูกทาการวัดค่าการดูดกลืนแสงภายใน 24 ชั่วโมง หรืออาจจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีภายใน 16 – 18 ชั่วโมงในบางกรณีของปฏิกริยา การเปลี่ยนแปลงของอาหารเหลวสีสะท้อนลักษณะจำเพาะของเชื้อแบคทีเรียเป้าหมายที่มีความจำเพาะกับปฏิกริยาดังกล่าว รูปแบบของปฏิกริยาชีวเคมีของแต่ละเชื้อจะบ่งบอกความเป็นไปได้ของการปนเปื้อนของเชื้อที่ปรากฏ สำหรับรูปแบบจำเพาะของการเปลี่ยนสีของอาหารเหลวสามารถถูกนำไปใช้ในการบ่งบอกความเป็นไปได้ในการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์เป้าหมายในตัวอย่างด้วยชุดวิเคราะห์ขนาดเล็ก อาหารเหลวจำเพาะที่ใช้ครอบคลุม 24 สับเสตรที่สามารถเกิดปฏิกริยาได้ และสามารถใช้ได้จริงในการตรวจสอบการปนเปื้อนว่ามีหรือไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบในตัวอย่างโรงงานอุตสาหกรรมที่มีปริมาณที่ต้องการทดสอบจำนวนมากและมีความถี่ในการตรวจสอบ ตัวอย่างอาหารทั้งที่มีการปนเปื้อนโดยธรรมชาติและไม่มีการปนเปื้อนโดยธรรมชาติ ถูกนำมาทดสอบการปนเปื้อนของเชื้อ V. parahaemolyticus โดยใช้อาหารเหลวจำเพาะ 7 อาหารเหลวที่ให้ผลบวกของเชื้อ V. parahaemolyticus จาก 24 อาหารเหลวที่ได้มีการพัฒนาถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบการปนเปื้อนของ V. parahaemolyticus ด้วยรูปแบบการวิเคราะห์ที่นำเสนอพบว่า ผลการวิเคราะห์การปนเปื้อนในตัวอย่างที่ทดสอบให้ผลสอดคล้องดีกับวิธีการวิเคราะห์ที่เป็นมาตรฐานเป็นอย่างดี
โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
2560-01-01T00:00:00Z
-
Methane emission from solid waste disposal sites in Thailand and Cambodia
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9282
Methane emission from solid waste disposal sites in Thailand and Cambodia
Siam Yimsiri
งานวิจัยนี้ประมาณปริมาณการปลดปล่อยก๊าซมีเทนของบ่อฝังกลบขยะเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี
การศึกษาได้สำรวจปริมาณและส่วนประกอบของขยะในบ่อฝังกลบ นอกจากนี้ยังได้มีการทดสอบคุณสมบัติของน้ำชะขยะ จากนั้นทำการประมาณปริมาณขยะและน้ำชะขยะที่จะรองรับโดยบ่อฝังกลบขยะตลอดอายุการใช้งาน การประมาณปริมาณก๊าซมีเทนที่เกิดจากขยะแข็งได้ใช้แบบจำลอง (i) IPCC zero-order mass balance และ (ii) IPCC first-order decay ส่วนการประมาณปริมาณก๊าซมีเทนที่เกิดจากน้ำชะขยะได้ใช้แบบจำลอง IPCC default
2018-01-01T00:00:00Z