กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4522
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorวริษา กันบัวลา-
dc.contributor.authorณชนก เอียดสุย-
dc.contributor.authorอาภรณ์ ดีนาน-
dc.date.accessioned2022-07-15T07:39:24Z-
dc.date.available2022-07-15T07:39:24Z-
dc.date.issued2564-
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4522-
dc.description.abstractการวิจัยกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและระดับไขมันในเลือดของผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติที่มารับการบริการตรวจสุขภาพ แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลศูนย์แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก จำนวน 62 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง จำนวนกลุ่มละ 31 คน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ส่วนกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลด้านสุขภาพและระดับไขมันในเลือด และแบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ สถิติ ทดสอบค่าที และสถิติ Mann-Whitney U test ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 และสัปดาห์ที่ 12 สูงกว่าก่อนทดลองและสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยระดับไขมันในเลือดชนิดคอเลสเตอรอลรวมและแอลดีแอลน้อยกว่าก่อนทดลองและน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนค่าเฉลี่ยระดับไขมันในเลือดชนิดเอชดีแอลและไตรกลีเซอไรด์หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 12 ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองไม่แตกต่างกัน การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมฯ นี้สามารถช่วยให้ผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติมีพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจเหมาะสมมากขึ้น และช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดคอเลสเตอรอลรวม และแอลดีแอล ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต พยาบาลและบุคลากรทางด้านสุขภาพควรประยุกต์ใช้โปรแกรมฯ นี้กับผู้ที่มีไขมันในเลือดผิดปกติต่อไปth_TH
dc.language.isothth_TH
dc.publisherคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.subjectการส่งเสริมสุขภาพth_TH
dc.subjectหลอดเลือดโคโรนารีย์ -- โรค -- การป้องกันและควบคุมth_TH
dc.subjectไขมันในเลือดth_TH
dc.subjectภาวะไขมันสูงในเลือดth_TH
dc.titleผลของโครงการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและระดับไขมันในเลือดในผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูงth_TH
dc.title.alternativeThe effects of a health literacy promotion program on coronary artery disease preventive behaviors and serum lipid levels among people with dyslipidemiath_TH
dc.typeArticleth_TH
dc.issue3th_TH
dc.volume29th_TH
dc.year2564th_TH
dc.description.abstractalternativeThis quasi-experimental study aimed to examine the effects of a health literacy promotion program on coronary artery disease preventive behaviors and serum lipid levels among people with dyslipidemia. The sample was 62 people with dyslipidemia who came for an annual check-up at the out-patient department in one eastern regional hospital. The participants were randomly assigned into experimental (n = 31) and control (n = 31) groups. The experimental group received the health literacy promotion program, while the control group received usual care. The instruments included a record of demographic and health data and lipid profile, and coronary artery disease preventive behavior questionnaires. Data were analyzed using descriptive statistics, repeated measures ANOVA, independent T-tests, and Mann-Whitney U. The results revealed that in the experimental group, mean scores of preventive behaviors at the 8th and 12th weeks were higher than at baseline and in the control group (p < .05). Mean scores of total cholesterol and LDL-C in the experimental group at the 8th and 12th weeks were significantly lower than at baseline and in the control group (p < .05). Mean scores of HDL-C and Triglycerides at the 12th week were not significant different between the experimental and control groups. This study indicated that the health literacy promotion program resulted in improving coronary artery disease preventive behaviors among people with dyslipidemia. In addition, the program helped lower total serum cholesterol and LDL-C, which could prevent coronary artery disease in the future. Therefore, nurses and health care providers could use this program for people with dyslipidemia.th_TH
dc.journalวารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.page1-14.th_TH
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:บทความวิชาการ (Journal Articles)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
nus29n3p1-14.pdf270.32 kBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น