กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/174
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorอิทธิเดช น้อยไม้
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา. โรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ"
dc.date.accessioned2019-03-25T08:45:54Z
dc.date.available2019-03-25T08:45:54Z
dc.date.issued2553
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/174
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มัวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครองและความต้องการของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศ ในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิต"พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบูรพา ด้านเนื้อหาสาระด้านจัดการเรียนรู้ ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ ด้านวัดผลและประเมิณผล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยโดยตอบแบบสอบถาม เป็นนักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 390 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบภาม 2) การสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคระห์ข้อมูลจากแบบสอบถามใช้ค่าร้องละ ค่าเฉลี่ยค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบท่าที ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มใช้การสรุปวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระกาสรเรียนู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อยู่ในระดับมากทุกด้านและเมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของนักเรียนตามเพศและระดับชั้น ปรากฎว่าไม่แตกต่างกัน 2. ความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีต่อกระบวนการจักการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลศในการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อยู่ในระดับมากทุกด้าน และเมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็ฯของผู้ปกครองตามระดับชั้น ปรากฎว่าไม่แตกต่าง 3. ความต้องการของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศในจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปรากฎว่านักเรียนต้องการให้มีการปรับลดเนื้อหาสาระ จัดกิจกรรมทัศนศึกษา เน้นการใช้สื่อการสอนประเภทเทคโนโลยีมอบหมายการบ้านให้น้อยลง และออกข้อสอบที่มีความยากง่ายเหมาะสมกับนักเรียนth_TH
dc.description.sponsorshipได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากงบประมาณเงินรายได้ โรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบูรพา ประจำปีงบประมาณ 2553en
dc.language.isothth_TH
dc.publisherโรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.subjectสังคมศึกษา - - การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)th_TH
dc.subjectโรงเรียนสาธิตth_TH
dc.subjectสาขาการศึกษาth_TH
dc.titleกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศในการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.typeงานวิจัย
dc.year2553
dc.description.abstractalternativeThe purposes of this study were to study the students and parents opinions and students' needs concern the excellence in leaning management of Social Studies, Religion, and culture learning Substance : a case of Piboonbumpen Demonstration school burapha University. Burapha University. the learning managment covered, subject content , teaching activities, instructional medias and measrement and evaluation. The samples in this study were 390 lower and upper secondary students in the second semester of the academic year of 2009 piboonbumpen Demonstration school. The instruments which were used in this study consisted of 1) Questionnaires. 2) Focus Group. Statistics used to analyza the data were percentage (for the question),men (X),standard deviation (SD) and t-test. The data analysis for focus group discussion was content analsis. The findings were as follows: 1.The students' opinion towards the excellence in learning management of Social studies, Religion, and Culture Learning Substance was found at the high laval in all aspects in the opinion as the result of the differences in education level and gender. There was no statistically significant difference. 2. The parents opinion towards the excellence in learning management of Social studies, Religion, and Culture Learning Substance was at the high level in all aspects when was compared compared based on the education level, it was found no statistical singificant difference. 3. The student focus group dis cussion data analysis on the excellence in learning management of Social Studies, Religion, and culture Leaening Substance revealed that students needed less content, needed field trip activities, more use of instructionnal media, less class assingnments the level of difficulty of the examination should be made appropriate to student's ability.en
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
ไม่มีแฟ้มใดที่สัมพันธ์กับรายการข้อมูลนี้


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น