Abstract:
จากการเก็บตัวอย่างปลาทะเลบริเวณแหล่งทำการประมงและแหล่งค้าขายของจังหวัดชลบุรี ใน
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ พบปลารวม ๑๓๔ ชนิด จาก ๕๕ วงศ์ ๑๙ อันดับ และ ๒ คลาส โดยเป็นปลากระดูกอ่อน ๓ อันดับ ๑๕ ชนิด ปะกอบด้วยปลาฉลาม ๕ ชนิด ปลาโรนัน ๒ ชนิด ปลากระเบน ๙ ชนิด ปลากระดูกแข็งพบ ๑๖ อันดับ ๑๒๑ ชนิด เมื่อพิจารณาฤดูทำการประมงพบชนิดปลาในฤดูแล้งมากกว่าในฤดูฝน โดยในฤดูแล้งพบปลา ๑๑๐ ชนิด โดยเป็นปลาที่พบเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ๖๖ ชนิด มากกว่าจำนวนชนิดของปลาที่พบเฉพาะในฤดูฝนที่พบปลา ๕๖ ชนิด โดยมีปลา ๔๘ ชนิด ที่พบได้ในทั้งสองฤดูและเมื่อพิจารณาพื้นที่การใช้ประโยชน์ พบว่าแหล่งอนุรักษ์พบปลาที่ถูกจับและจำหน่ายมีความหลากชนิดมากที่สุดเฉลี่ย ๓๗ ชนิด รองลงมาเป็นแหล่งประมง ๓๑ ชนิด แหล่งท่องเที่ยว ๒๘ ชนิด ในขณะที่แหล่งอุตสาหกรรมพบปลาที่ถูกจับและจำหน่ายมีความหลากชนิดน้อยที่สุดคือ ๒๒ ชนิดเมื่อพิจารณาชนิดของปลาโดยเฉพาะที่ถูกนำมาจำหน่าย พบว่าเป็นปลาจากแหล่งอื่นไม่ใช่จากจังหวัดชลบุรี หรือภายในอ่าวไทย แต่ถูกนำมาจากจังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามัน เช่น ปลากระเบนนก (Aetobatus narinari) ปลานกแก้ว (Scarus ghobban, Scarus niger และ
Scarus viridifucatus) และปลานกขุนทองลายพาดกลอน (Cheilinus fasciatus) นอกจากนี้ยังพบปลาที่มีลักษณะปกติทางกายวิภาค โดยเฉพาะปลากระเบน Maculabatis gerrardi มีการพัฒนาผิดปกติซึ่งไม่ทราบสาเหตุ ในระหว่างเวลาของการศึกษาครั้งนี้ การทำการประมงของประเทศไทยอยู่ในช่วงการใช้มาตราการแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (IUU) มีผลกระทบต่อชาวประมงในอีกทางหนึ่ง ผลดีต่อทรัพยากรประมงในระยะยาว แต่ก็ประเทศไทยต้องมีการบริหารจัดการประมงที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง