Abstract:
จากการเก็บตัวอย่าง ดินตะกอนป่าชายเลน และจากฟองน้ำทะเล จำนวน 4 ครั้ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช 1 ครั้ง จังหวัดชุมพร 2 ครั้ง และจังหวัดระยอง 1 ครั้ง มาแยกเชื้อหาแอคติโนมัยซีทเพิ่มเติมได้แอคติโนมัยซีท รวมทั้งหมด 111 ไอโซเลท โดยพบว่าแอคติโนมัยซีทที่ได้แยกได้ตะกอนป่าชายเลน จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 52 ไอโซเลต เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายของชนิด และสามารถให้สารออกฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์มากที่สุด (27 ไอโซเลท) คิดเป็น 51.92% ในขณะที่แอคติโนมัยที่ได้จากตะกอนป่าชายเลน จังหวัดระยอง จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นป่าชายเลนที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเล รวมทั้งที่แยกได้จากฟองน้ำ บริเวณเกาะหลก จังหวัดชุมพร ไม่ค่อยพบว่า มีสารออกฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์ จากการทดสอบเบื้องต้น ด้วยวิธี cross streak อย่างไรก็ดี ทั้ง 4 บริเวณ มีแอคติโนมัยซีทที่สร้างรงควัตถุที่สามารถนำมาทดสอบฤทธิ์ชีวภาพอย่างอื่น ๆ ได้อยู่บ้าง ผลจากการศึกษาทางสัณฐานวิทยาและการวิเคราะห์ผนังเซลล์ทางเคมี โดยตรวจสอบชนิดของกรดไดอะมิโนไพมิลิค และนำตาลที่มีอยู่ในเซลล์ทั้งหมด พบว่าแอคติโนมัยซีทที่พบจากป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช ค่อนข้างมีความหลากหลาย ส่วนที่พบจากจังหวัดระยอง ชุมพร รวมทั้งเกาะหลกนั้นอยู่ในแฟมิลี่ Micromonosporaceae เป็นส่วนใหญ่ โดยจีนัสที่พบได้แก่ Micromonospora, Salinispora, Spirilliplanes, และ Virgisporangium เป็นต้น และจากการคัดเลือกแอคติโนมัยซีทที่สร้างสารแอนติไบโอติกที่ดี และมีสารต้านอนุมูลอิสระ จำนวน 6 สายพันธุ์ คือ CH54-8, A3-3, CP-PH 3-2, CP-PH 3-12, CH8-4A และ RY 2-20 มาปรับปรุงสายพันธุ์ ด้วยการเหนี่ยวนำด้วยแสงอุลตราไวโอเลต เป็นเวลา 15, 20 และ ที่ 25 นาที และคัดเลือกเฉพาะโคโลนีที่วสร้างสารมากกว่าโคโลนีอื่น ๆ ออกมาทดสอบการเลี้ยงปริมาณมาก และสกัดสารออกฤทธิ์ที่สร้างขึ้นมาเปรียบเทียบกับปริมาณของสารสกัดสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ไม่ผ่านแสงอัลตราไวโอเลต พบว่าส่วนมากแล้วแต่ละสายพันธุ์มีการสรา้งสารออกฤทธิ์ได้มากขึ้น แต่ไม่มากนัก ยกเว้น แอคติโนมัยซีท RY 2-20 ที่สร้างสารลดลง อย่างไรก็ดี พบว่า แอคติโนมัยซีท CP-PH3-12 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถสร้างสารที่สกัดได้ทั้งจากภายในเซลลื และที่สร้างออกมาในอาหารเลี้ยงเชื้อ มากขึ้นกว่าเดิม 6 เท่า และ 2 เท่า ตามลำดับหลังจากที่ได้เหนี่ยวนำด้วยแสงอัลตราไวโอเลต
สำหรับมารีนยีสต์ BS 6-2 และ AS1-8 ซึ่งจำแนกชนิดได้เป็น Pichia sp. และ Rhodotorula mucilaginosa พบว่า การเลี้ยงเพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์ และการสร้างกรดไขมันที่มีคุณค่าทางอาหารได้ดีในอาหารธรรมชาติ ที่มีมันฝรั่งหริือข้าวโพด เป็นส่วนประกอบกว่าการเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ หรืออาหารมที่เตรียมจากวัสดุเหลือใช่จากการเกษตรอื่น ๆ