The Institute of Marine Science
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4729
สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
2024-03-28T09:44:12Z
-
ผลของความเค็มและการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อการเพิ่มจำนวนและองค์ประกอบของโคพีพอดธรรมชาติที่เลี้ยงด้วยรำหมัก
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17223
ผลของความเค็มและการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อการเพิ่มจำนวนและองค์ประกอบของโคพีพอดธรรมชาติที่เลี้ยงด้วยรำหมัก
ดวงทิพย์ อู่เงิน; วรเทพ มุธุวรรณ; ศิรประภา ฟ้ากระจ่าง; ชลธิชา สุขประเสริฐ
การทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการทดสอบผลของความเค็มที่ต่างกัน 3 ระดับ (28, 30, 32 ppt) และการเก็บเกี่ยวผลผลิตระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิตหนึ่งครั้ง (วันที่ 30 สิ้นสุดการทดลอง) และสองครั้ง (ครึ่งหนึ่งวันที่ 12 และ วันที่ 30 สิ้นสุดการทดลอง) ต่อการเพิ่มจจำนวน และองค์ประกอบของโคพีพอดในธรรมชาติ โดยการให้อาหาร (รำหมัก) เป็นอาหารครั้งเดียวเมื่อเริ่มทดลองที่ความเข้มข้น 150 ppm วางแผนการทดลองแบบแฟคทอเรียล (Factorial design) ที่ความจุน้ำ 10 ลิตร ทั้งหมด 18 ใบ เป็นเวลา 30 วัน ผลการทดลองพบว่าโคพีพอดมีการตอบสนองโดยการเพิ่มจำนวนโคพีพอดในช่วงแรกก่อนลดจำนวนลงในแนวทางเดียวกัน ที่ความเค็ม 28 ppt ทั้งชุดการทดลองที่เก็บเกี่ยวผลผลิต 1 ครั้งและ 2 ครั้ง ในวันที่ 2 พบความหนาแน่นของโคพีพอดมีค่าสูงสุด (ค่าเฉลี่ย±SE) 3.1±0.3 ตัว/ มล.
และ 2.8 ±0.3 ตัว/ มล. ก่อนความหนาแน่นกลับเพิ่ม สูงขึ้น ในวันที่ 10 มีค่าเฉลี่ย (±SE) 2.8±0.4 ตัว/ มล. และ 1.0 ±0.2 ตัว/ มล. ตามลำดับ แตกต่าง (p<0.01) จากโคพีพอดที่เลี้ยงด้วยความเค็ม 30 ppt และ 32 ppt พบว่าความหนาแน่นของโคพีพอดเพิ่มขึ้น (ค่าเฉลี่ย±SE) 1.3±0.1 ตัว/ มล. และ 0.9-0.1 ตัว/ มล. ในช่วงวันที่ 12-14 ก่อนมีการลดลงในแนวทางเดียวกัน สำหรับการเก็บเกี่ยวผลผลิตพบว่าการเก็บเกี่ยวผลผลิตครึ่งหนึ่ง ในวันที่ 12 ไม่ทำให้ความหนาแน่นของโคพีพอดลดลงเมื่อสิ้นสุดการทดลอง โดยกลุ่มชนิดของโคพีพอดที่พบมากที่สุดคือ คาลานอยล์ ไซโคลพอยด์ ฮาร์แพคทิคอยด์ (ร้ อยละ 59.1±0.1, 27.9, 12.5) และสัดส่วนร้อยละของระยะการเติบโตของโคพีพอดที่พบมากที่สุดคือ
นอเพลียส ตัวเต็มวัย โคพีโพดิด และตัวเต็มวัยที่มีไข่ (ร้อยละ 55.8±4.8, 24.5±3.4, 19.2±2.1, 0.5±0.2) ตามลำดับ ผลการทดลองสรุปได้ว่าโคพีพอดเจริญเติบโตได้ดีในน้ำที่ความเค็มต่ำ (28 ppt) และการเก็บเกี่ยวผลผลิต 2 ครั้ง ทำให้ผลผลิตของโคพีพอดมากขึ้น
2566-01-01T00:00:00Z
-
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเล
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/10279
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเล
ศรัญญา ยิ้มย่อง; ธันย์ชนก ศิริรักษ์; สิริกุล กวมทรัพย์; ณิษา สิรนนท์ธนา
ในกระบวนการผลิตปลามักมีเศษวัสดุเหลือทิ้งอย่างเช่นเกล็ดปลาซึ่งเป็นแหล่งของคอลลาเจน ดังนั้น จึงทำการวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมี การสกัดคอลลาเจนที่ละลายได้ในกรดอ่อนร่วมกับคลื่นไมโครเวฟ และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเล โดยเกล็ดปลากะพงขาว (Lates calcarifer) เกล็ดปลาเก๋า (Epinephelus malabaricus) และเกล็ดปลาช่อนทะเล (Rachycentron canadum) มีปริมาณโปรตีนอยู่ในช่วงร้อยละ 48.13 - 55.05 และมีปริมาณไขมัน
อยู่ในช่วงร้อยละ 0.05 - 0.07 ปริมาณกรดไขมันในเกล็ดปลาทะเล พบองค์ประกอบของกรดไขมันชนิดอิ่มตัว (SFAs) มากที่สุด อยู่ในช่วง 39.59 - 48.91 %TFA โดยมีกรดปาล์มิติก (16:0) และกรดเฮปตาเดคาโนอิก (17:0) เป็นชนิดเด่น ตามด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFAs; 3.10 - 8.99 %TFA) และกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFAs; 1.09 - 4.62 %TFA) การวิเคราะห์สารสกัดคอลลาเจนด้วยกรดอ่อนร่วมกับคลื่นไมโครเวฟด้วยเทคนิค FTIR พบจำนวน 5 พีค ได้แก่ amide A พบที่เลขคลื่น 3281.10 cm-1 amide B พบที่เลขคลื่น 2935.61 cm-1 amide I พบที่เลขคลื่น 1628.22 cm-1 amide II พบที่เลขคลื่น 1547.99 cm-1 และ amide III พบที่เลขคลื่น 1237.76 cm-1 กรดอะมิโนในสารสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเล พบกรดอะมิโนที่มีปริมาณสูง 3 อันดับ
แรก คือ ไกลซีน โพรลีน และ อะลานีน และการศึกษารูปแบบโปรตีนด้วยเทคนิค SDS–PAGE เปรียบเทียบกับคอลลาเจนบริสุทธิ์พบว่าคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเลเป็นชนิดที่ 1 การศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH และ ABTS ของสารสกัดหยาบคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเล พบว่า การสกัดด้วยกรดอ่อนร่วมกับคลื่นไมโครเวฟให้สารสกัดคอลลาเจนที่มีฤทธิ์ดีกว่าการสกัดด้วยกรดอ่อนร่วมกับคลื่นอัลตร้าโซนิค โดยสารสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลากะพงขาวมีฤทธิ์ในการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH ได้ดี มีค่า IC50 เท่ากับ 12.75 และ 14.31 mg/ml ในขณะที่ สารสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาช่อนทะเลมีฤทธิ์ในการยับยั้งอนุมูลอิสระ ABTS ได้ดี มีค่า IC50 เท่ากับ 0.38 และ 3.11 mg/ml ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสารสกัดคอลลาเจนที่ละลายได้ในกรดอ่อนจากเกล็ดปลากะพงขาวและเกล็ดปลาช่อนทะเล สามารถเป็นแหล่งทางเลือกของการผลิตคอลลาเจนที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ
2566-01-01T00:00:00Z
-
การซ่อมบำรุงเครื่องมือวิทยาศาสตร์ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/5105
การซ่อมบำรุงเครื่องมือวิทยาศาสตร์ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
สมใจ ศรีนุ้ย
คู่มือการปฏิบัติงาน การซ่อมบำรุงเครื่องมือวิทยาศาสตร์ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้จัดทำมีความประสงค์ให้นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ผู้ปฏิบัติงานวิจัย ตลอดจนนิสิต นักศึกษา และนักเรียน ที่เข้ามาปฏิบัติงานในฝ่ายวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล ฝ่ายสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ฝ่ายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล และสถานีวิจัย ได้เข้าใจ และทราบถึงขั้นตอน การปฏิบัติงานซ่อมเครื่องมือ อุปกรณ์ และการบำรุงรักษาเครื่องมือต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือเตรียมตัวอย่าง เครื่องมือพื้นฐาน ชั่ง ตวง วัด และเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ถูกต้องตามระเบียบการปฏิบัติงานของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมถึงช่วยการยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือในห้องปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพยาวนาน และคุ้มค่าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อลดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องมือ
2562-01-01T00:00:00Z
-
ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และการจัดเก็บเอกสาร (e-Document) สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/5083
ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และการจัดเก็บเอกสาร (e-Document) สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
วิไลวรรณ วงสุดาวรรณ
คู่มือการปฏิบัติงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และการจัดเก็บเอกสาร (e-Document) จัดทำขึ้นเพื่อต้องการให้บุคลากรผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติงานสารบรรณ สำนักงานผู้อำนวยการ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้รับความรู้ ความเข้าใจ ขั้นตอน และกระบวนการปฏิบัติงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และการจัดเก็บเอกสาร (e-Document) เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความถูกต้อง รวดเร็ว ลดความผิดพลาดต่าง ๆ ของเอกสาร ในการปฏิบัติงาน รวมถึงสามารถตรวจสอบ และติดตามเส้นทางเดินเอกสารได้ง่ายขึ้น
2561-01-01T00:00:00Z