Faculty of Public Health
คณะสาธารณสุขศาสตร์
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4722
2024-03-29T15:39:23Z
2024-03-29T15:39:23Z
การให้บริการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ห้องปฏิบัติการ รายวิชาการศึกษาเฉพาะด้านในงานอนามัยสิ่งแวดล้อม และรายวิชาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพอนามัยสิ่งแวดล้อม ของสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
มนัสนันท์ พิบาลวงค์
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17222
2024-02-23T01:34:44Z
2566-01-01T00:00:00Z
การให้บริการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ห้องปฏิบัติการ รายวิชาการศึกษาเฉพาะด้านในงานอนามัยสิ่งแวดล้อม และรายวิชาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพอนามัยสิ่งแวดล้อม ของสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
มนัสนันท์ พิบาลวงค์
คู่มือการปฏิบัติงาน การให้บริการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ห้องปฏิบัติการ รายวิชาการศึกษาเฉพาะด้านในงานอนามัยสิ่งแวดล้อม และรายวิชาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพอนามัยสิ่งแวดล้อม ของสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จัดทำขึ้นเพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนการให้และการรับบริการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ห้องปฏิบัติการสำหรับรายวิชาการศึกษาเฉพาะด้านในงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและรายวิชาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพอนามัยสิ่งแวดล้อม ของสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อใช้อ้างอิงในการทำงานเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างคณาจารย์ นักวิทยาศาสตร์และนิสิต อีกทั้งคู่มือฉบับนี้ ยังสามารถใช้เป็นคู่มือสำหรับผู้ที่มาปฏิบัติงานแทนหรือบุคลากรที่บรรจุใหม่ได้ถือเป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้ผูปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2566-01-01T00:00:00Z
การบูรณาการงานบริการวิชาการและนวัตกรรมสาธารณสุขอย่างยั่งยืน แนวปฏิบัติที่ดีด้านการบริการวิชาการ
มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/9336
2023-09-08T06:43:19Z
2565-01-01T00:00:00Z
การบูรณาการงานบริการวิชาการและนวัตกรรมสาธารณสุขอย่างยั่งยืน แนวปฏิบัติที่ดีด้านการบริการวิชาการ
มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้านที่ส่งผล
กระทบต่อการแข่งขันผลกระทบที่เกิดขึ้น ในเชิงบวกส่งผลให้คณะฯ สามารถใช้เช้เป็โอกาสในการ
สร้างงานวิจัยและนวัตกรรมผ่านคู่ความร่วมมือและเครืออข่ายชุมชนในพื้นพื้ที่ภาคตะวันออก เพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะฯ จึงได้ปรับโครงสร้าง
การบริหารงาน วางแผนกลยุทธ์ และกระบวนการทำงานทั้งด้านการจัดการศึกษา การวิจัยและการบริการวิชาการ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรม เพื่อการเติบโตและประสบผลสำเร็จขององค์กรในอนาคต
2565-01-01T00:00:00Z
การพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว
ปัญญา ยงยิ่ง
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/8830
2023-07-29T09:20:02Z
2561-01-01T00:00:00Z
การพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว
ปัญญา ยงยิ่ง
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงอนาคตด้วยเทคนิคเดลฟายและใช้การวิจัยเชิงปริมาณอธิบายประกอบ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์และพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาวที่เหมาะสมและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ดำเนินการระหว่างมกราคม พ.ศ. 2558-พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โดยการทบทวนและวิเคราะห์เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาภาคสนาม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสนทนากลุ่มแบบการสืบค้นเสริมพลังกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informants) ที่เป็นผู้นำภาคีเครือข่ายที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว จำนวน 6 อำเภอ ๆ ละ 10 คน รวม 60 คน และสอบถามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ 5 สาขา จำนวน 17 คน ด้วยเทคนิคเดลฟาย 3 รอบ วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) และใช้สถิติบรรยาย (ค่าร้อยละ ค่าฐานนิยม และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์) ผลการวิจัยพบว่า ระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว มีการประยุกต์การดำเนินการตามนโยบายที่มีรูปแบบ UCCARE 6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) การทำงานร่วมกันในระดับอำเภอ (Unity of district health team: U) 2) การมุ่งผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้บริโภค (Customer focus: C) 3) การมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่าย (Community participation: C) 4) การทำงานจนเกิดคุณค่า (Appreciative inqurity: A) 5) การจัดสรรทรัพยากร (Resource sharing: R) และ 6) การให้บริการสุขภาพที่จำเป็น (Essential health care: E) แต่เนื่องจากอำเภอชายแดนไทย-ลาว มีควาแตกต่างจากพื้นที่ทั่วไปทั้งภูมิประเทศ สังคมวัฒนธรรม และบริบทด้านอื่น ๆ อีกหลายประการ ดังนั้น จึงพบว่า ระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว ที่พึงประสงค์ในการจัดการสุขภาพสำหรับประชาชนประกอบด้วย 10 องค์ประกอบหลัก 28 องค์ประกอบรอง และ 75 ประเด็นสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน (Consensus) ว่ามีความเหมาะสม ร้อยละ 80 มีความเป็นไปได้ในระดับมาก (ค่าฐานนิยมระดับ 4) ขึ้นไป และพิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter-quartile range) ที่ไม่เกิน 1.00 จึงมีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในการนำไปสู่การปฏิบัติจริง โดยเพิ่มจากรูปแบบเดิม 4 องค์ประกอบหลัก คือ หัวหน้าทีม (Captaincy: C) การสื่อสาร (Communication: C) ความมุ่งมั่น (Commitment: C) และวัฒนธรรม (Culture: C) = CCCC:4C ซึ่งระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว ที่พึงประสงค์ หรือ DHS@Thai-Laos’border: 4C+U+CARE+C สามารถสรุปได้ดังนี้ บริบทสำคัญ (Crucial context) ที่มีผลต่อประสิทธิผลของระบบสุขภาพอำเภอชายแดนไทย-ลาว เป็นการทำงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ โดยมีองค์ประกอบที่สนับสนุนระบบ ประกอบด้วย การทำหน้าที่ของหัวหน้าทีม (Captiancy: C) การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกระบบ (Communication: C) ความมุ่งมั่นในข้อตกลงร่วมกันของภาคีเครือข่าย (Commitment: C) และวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบเครือข่าย (Culture: C) และมีองค์ประกอบเชิงระบบ ประกอบด้วย ปัจจัยนำเข้า (Input) ได้แก่ การทำงานร่วมกันของทีมอำเภอ (Unity of district health team: U) กระบวนการ (Process) ได้แก่ การมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่าย (Community participation: C) การจัดสรรทรัพยากร (Resource sharing: R) การทำงานจนเกิดคุณค่า (Appreciative inquiry: A) และการให้บริการสุขภาพที่จำเป็น (Essential health care: E) ผลสัมฤทธิ์ (Result) ได้แก่ การมุ่งผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้บริโภค (Customer focus: C) ที่เป็นกลไกการขับเคลื่อนและผู้รับประโยชน์จากระบบสุขภาพ จึงเป็นทั้งผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) อันส่งผลกระทบ (Impact) ให้เกิดสังคมสุขภาวะที่ดีและยั่งยืนต่อไป ข้อเสนอแนะสำหรับหน่วยงานสาธารณสุขระดับนโยบาย ควรสนับสนุนให้นำแนวคิด 4C+U+CARE+C ไปปรับใช้ในการพัฒนาระบบสุขภาพอำเภอตามบริบทของพื้นที่ชายแดน และในพื้นที่อำเภอปกติ เพื่อเป็นการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเป็นการยกระดับระบบสุขภาพอำเภอต่อไป
ดุษฎีนิพนธ์ (ส.ด.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561
2561-01-01T00:00:00Z
การพัฒนาการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและราชการส่วนท้องถิ่น
จรินทร์ทิพย์ ชมชายผล
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/8828
2023-07-29T09:43:01Z
2561-01-01T00:00:00Z
การพัฒนาการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและราชการส่วนท้องถิ่น
จรินทร์ทิพย์ ชมชายผล
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและราชการส่วนท้องถิ่นเปรียบเทียบการดำเนินงานการจัดการมูลฝอยของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กับกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 หาแนวทางปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและเพื่อเสอนแนวทางในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ สำหรับราชการส่วนท้องถิ่น กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 127 แห่ง และราชการส่วนท้องถิ่น จำนวน 73 แห่ง ที่ได้จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ผู้ให้ข้อมูลหลักเพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับราชการส่วนท้องถิ่น จำนวน 17 คน และแนวทางปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 18 คน และผู้เชี่ยวชาญในการประเมินด้วยเทคนิคเดลฟาย จำนวน 20 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามที่ผ่านความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ค่าพิสัยควอไทล์ ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาผลการวิจัยพบว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมีการคัดแยกและรวบรวมมูลฝอยติดเชื้ออยู่ในระดับถูกต้องมาก มากที่สุด ร้อยละ 70.9 มีการเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้ออยู่ในระดับถูกต้องปานกลาง มากที่สุด ร้อยละ 58.3 มีการขนส่งมูลฝอยติดเชื้ออยู่ในระดับถูกต้องปานกลาง มากที่สุด ร้อยละ 62.2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสามารถปฏิบัติได้สอดคล้องกับกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า การคัดแยกและเก็บรวบรวมในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 การเก็บมูลฝอยติดเชื้อปฏิบัติได้ ร้อยละ 73.8 การเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้อในหมวด 2 การเก็บมูลฝอยติดเชื้อปฏิบัติได้เฉลี่ย ร้อยละ 74.7 และการขนส่งมูลฝอยติดเชื้อในหมวด 3 การขนมูลฝอยติดเชื้อปฏิบัติได้เฉลี่ย ร้อยละ 36.0 และราชการส่วนท้องถิ่น ไม่มีการดำเนินการขนส่งและกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ ร้อยละ 100.0 โดยส่วนใหญ่มอบหมายให้สถานบริการสาธารณสุขของรัฐดำเนินการขนส่งและกำจัดแทน ร้อยละ 95.8 และ 97.2 ตามลำดับ ไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการขนส่งและกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ 100.0 และมีการควบคุมกำกับติดตามการขนส่งและกำจัด ร้อยละ 6.8 และร้อยละ 4.1 ตามลำดับ แนวทางการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับราชการส่วนท้องถิ่นทำได้โดยสนับสนุนให้ราชการส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพจัดทำศูนย์กำจัดมูลฝอยติดเชื้อแบบครบวงจร ส่วนราชการส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กอาจทำการมอบหมายให้ส่วนราชการอื่นดำเนินการแทน แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของท้องถิ่น และแนวทางปฏิบัติในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ประกอบไปด้วย 6 แนวทาง คือ 1) การบริหารงาน 2) ผู้ปฏิบัติงาน 3) การคัดแยกและเก็บรวบรวมมูลฝอยติดเชื้อ 4) การเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้อ 5) การขนส่งมูลฝอยติดเชื้อ 6) การประเมินผลการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ดุษฎีนิพนธ์ (ส.ด.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561
2561-01-01T00:00:00Z